หากพูดถึงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ทุกคนจะได้พบเจอกับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และก็ปัญหาสำคัญอย่างปัญหาทางด้านสุขภาพ นอกจากนี้อีกหนึ่งเรื่องที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยก็คือ ปัญหาทางด้านการศึกษา ในสภาวะที่สิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยให้ทุกคนได้มาพบเจอกัน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเด็กๆ ทุกคนจะได้มีโอกาสไปเจอเพื่อนๆ ในห้องเรียนเลยมันแทบจะเป็นไปไม่ได้
ในหลายๆ ประเทศไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐ หรือโรงเรียนเอกชน ก็ถูกสั่งให้พักการเรียนการสอนชั่วคราวไปก่อน รอให้สภาวะโรคระบาดโควิด19 ดีขึ้นก่อนแล้วค่อยกลับมาเปิดการเรียนการสอน แต่จากการคาดการณ์สถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง จนกินระยะเวลานานเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ทำให้หลายๆ โรงเรียนต้องเกิดการปรับตัว
หลายโรงเรียนเลือกที่จะ ทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า online learning แต่จุดประสงค์จริงๆ แล้วของการเรียน online learning ไม่ได้เพียงแต่ต้องการมอบความรู้ให้กับนักเรียนนักศึกษาเท่านั้น แต่มันคือการเอาตัวรอด การปรับตัวของสถาบันการศึกษา ให้อยู่รอดต่อไปในอีกเจเนอเรชั่นนึงได้
เจนเนอเรชั่นใหม่ online learning
หลังจากที่เราพบว่า online learning เข้ามามีบทบาทอย่างมากในช่วงยุคสถานการณ์โควิด19 หากคุณมองเพียงเท่านั้น คุณจะเห็นว่ามันเป็นแค่วิธีการแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ถ้าคุณอยู่ในระบบการศึกษาจริงๆ คุณจะเข้าใจทันทีว่านี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาชั่วคราว แต่นี่คือทางออกของเจเนอเรชั่นใหม่ online learning หากย้อนกลับไป 100-200 ปีที่แล้ว ทำไมเราต้องส่งเด็กไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน
เพราะว่าโรงเรียนคือแหล่งที่รวบรวมความรู้เอาไว้ รวบรวมผู้คนที่สามารถมอบความรู้ให้กับเด็กๆ ได้ เราจึงจำเป็นจะต้องส่งลูกหลานของเราไปที่โรงเรียน เพื่อเข้าถึงข้อมูลความรู้ตรงนั้น แต่ในโลกยุคปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตคือส่วนสำคัญที่ทำให้ องค์ความรู้ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนอีกต่อไป ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม หากคุณสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ แปลว่าคุณก็สามารถเข้าถึงความรู้ได้ นี่จึงเป็นคำกล่าวว่าเจเนอเรชั่นใหม่ จะต้องเป็น online learning อย่างแน่นอน
ในช่วงการเรียนการสอนที่ผ่านมา ในหลายๆ โรงเรียน ไม่ได้มีแค่วิดีโอสื่อการสอนผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังเป็นระบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สามารถโต้ตอบกันได้ระหว่างครูผู้สอน และนักศึกษาผู้เรียน ยิ่งช่วยทำให้ระบบ online learning สมบูรณ์แบบมากเข้าไปอีก ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์แบบไปมากกว่านี้แล้ว และถ้าเรามองกันดีๆ จะเห็นได้ว่า ความสำคัญของโรงเรียนไม่มีความจำเป็นกับโลกยุคต่อไปในอนาคตอีกเลย
ทุกวันนี้ที่โรงเรียนยังมีความสำคัญอยู่ก็เหมือนกับการออกใบรับรอง ว่าเด็กคนนี้ได้จบการศึกษาแล้ว ไม่ได้มีความสำคัญกับความจริงบนโลกใบนี้เลยว่าเขาได้รับความรู้ หรือเปล่า เพียงแค่ใบรับรองว่าเด็กคนนี้จบการศึกษา นี่แหละคือสาเหตุสำคัญที่โรงเรียนยังคงอยู่บนโลกใบนี้อยู่
online learning ไม่จำเป็นจะต้องเรียนกับสถาบัน
จากประสบการณ์ตรงจากผู้ให้ความรู้ครูบาอาจารย์ด้วยกัน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุกวันนี้ความรู้ไม่ได้อยู่ในกระดาษ ไม่ได้อยู่ในห้องสมุด แล้วก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล ความรู้ถูกถ่ายทอด และถูกเก็บไว้ในรูปแบบของข้อมูล ที่ใครก็ตามสามารถเข้าถึงได้ มีทั้งแบบเสียเงิน และไม่เสียเงิน จึงเป็นที่มาที่ว่า online learning
ในบางกรณีเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสียเงินกับสถาบันต่างๆ ดังๆ มากมาย เพราะในโลกยุคใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ คนที่มีความรู้อาจจะไม่ได้มีเอกสารรับรอง คนที่มีความรู้จะเข้าถึงความรู้ได้โดยตรงไม่ต้องเสียเงิน อาทิเช่น ช่องทางผ่าน ยูทูบเฟซบุ๊ก ติ๊กต๊อก และอื่นอื่นอีกมากมาย
คอนเทนต์ที่เราเคยได้รับตามโรงเรียนโดยปกติแล้ว ก็จะเป็นรูปแบบของหนังสือเรียนใบงานใบความรู้ เต็มที่จริงๆ ก็คือการออกไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะเทอมละหนึ่งครั้ง แต่สำหรับการเรียนรู้แบบใหม่ ที่ศึกษาได้ผ่านทางยูทูปเฟสบุ๊คติ๊กต๊อก หรือสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ คุณสามารถเข้าไป online learning ได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นวิดีโอคอนเทนต์ บทความคอนเทนต์ รวมไปถึงพอดแคสต์คอนเทนต์เกมส์คอนเทนต์ และอื่นๆ อีกมายมาย
คนยุคเก่าต้องเปิดใจให้กว้างยอมรับ online learning
หากมองย้อนกลับไปในรุ่นของเราเอง หรือรุ่นของพ่อแม่ การศึกษาก็เกิดขึ้นตามโรงเรียนเกิดขึ้นตามสถาบัน ในยุคก่อนหน้านี้เด็กๆ ยังไม่สามารถเข้าถึงความรู้ หรือการดูคลิปวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ แต่พอวันนี้อินเตอร์เน็ตมันเข้าถึงได้ง่าย และทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงได้ มันแปลว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเสพข้อมูลตามที่ตัวเองต้องการ ข้อมูลตรงนี้ก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็นสื่อบันเทิงสื่อให้ความรู้ สื่อตลกผ่อนคลายสาระเกมโชว์ที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่วิ่งเข้าไปสู่โลกออนไลน์ที่เรียกกันว่าอินเทอร์เน็ต
ความรู้เองก็เหมือนกันก็ถูกจับโยนเข้าไปจับโยนเข้าไปในโลกออนไลน์ โดยคนที่เรียกตัวเองว่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ยูทูบเบอร์ บล็อกเกอร์อินฟลูเอนเซอร์บุคคลพวกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสื่อหลัก ที่จะมาขับเคลื่อนคอนเทนต์บนโลกออนไลน์รวมถึงสิ่งที่เรียกกันว่า online learning ด้วย บางคนก็จะทำสอนแต่งหน้า บางคนก็สอนทำอาหาร บางคนก็สอนทำคณิตศาสตร์ หรือบางคนก็ทำคอนเทนท์ที่เพลิดเพลิน สนุกสนาน มีคนติดตามมากมาย อาจสอดแทรกโฆษณาไปบ้าง
แต่ก็อย่างที่บอกว่าเมื่อได้รับความนิยมมาก ก็แปลว่าพวกคนเหล่านี้แหละ จะเป็นตัวขยับเขยื้อนโลกยุคใหม่ เราในฐานะคนรุ่นเก่า หรือพ่อแม่ก็ควรที่จะยอมรับ และเปิดใจอยู่กับโลกที่เปลี่ยนไป แล้วก็เชื่อเหลือเกินว่าถ้าทุกคนเปิดใจให้กว้าง และยอมรับกับสิ่งใหม่ๆ วันหนึ่งสิ่งเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หรืออะไรก็ตามที่หมดความนิยมไปแล้ว อย่างหนังสือพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ ทุกอย่างก็จะตายลงไป แล้วก็ผลัดเปลี่ยนสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน
online learning บนโลกอินเตอร์เน็ตก็มีความอันตรายไม่น้อย
หากหยิบคำว่าออนไลน์ขึ้นมาพูดแล้ว มันแปลว่าอะไร มันแปลว่าเส้นใยเครือข่ายของอินเทอร์เน็ต ถูกเชื่อมโยงเข้าหากันเราอาจจะควบคุมปริมาณคอนเทนท์ที่ดี และไม่ดีทั้งหมดไม่ได้นั่นก็คือความน่ากลัวของเทคโนโลยีที่เข้ามา มันเหมือนดาบสองคม แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องกลัว ธรรมชาติของมนุษย์คือการปรับตัวเข้าแสวงหาสิ่งที่เป็นตัวเราเอง มนุษย์คนไหนที่ชอบสิ่งที่ดีก็จะวิ่งไปหา online learning
แต่สิ่งที่ดีๆ แต่มนุษย์คนไหนที่แสวงหาแต่สิ่งที่แย่ๆ ก็จะวิ่งเข้าไปหา online learning ในสิ่งที่แย่นั่นแปลว่าอะไรรู้มั้ย ขออนุญาตหยิบยกคำ สอนของศาสนาพุทธขึ้นมาสักหนึ่งคำ คิดสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วแม้คำสอนนี้อาจมีเงื่อนไขที่ไม่สมบูรณ์แบบนัก เพราะไม่ได้แปลว่าคนที่ทำดีแล้วจะต้องได้ดีเสมอไป หรือคนที่ทำชั่วจะต้องได้ชั่วเสมอไป
ในโลกยุคปัจจุบันก็จะเห็นกันมากมายว่า คนที่ทำชั่วได้ดีมีเยอะแยะ แต่สิ่งที่กำลังจะพูดถึงไม่ใช่ประเด็นเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่เป็นประเด็นที่กำลังจะพูดว่าคนที่วิ่งเข้าหา online learning ดีๆ เขาก็จะได้รับข้อมูลดีๆ กลับไป ได้รับสิ่งดีๆ เข้าสู่ชีวิตเขา ส่วนคนที่มัวแต่หมกมุ่นในสิ่งที่ไม่ดี ก็จะวิ่งเข้าหา online learning แต่คอนเทนต์ที่ไม่ดี เขาก็จะได้รับสิ่งไม่ดีกลับไปได้รับรู้สิ่งที่ไม่ดี มันก็เหมือนเป็นการผลักดันตัวตนของแต่ละคน ให้อยู่ในรูปแบบที่เขาต้องการ นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็เป็นเรื่องที่อันตราย ถ้าตัวตนของเขาไม่ได้อยากเป็นคนดี
สรุป online learning กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ต้องบอกเลยว่าสังคมเรารับรู้ถึงเรื่อง online learning มานานมากแล้ว แต่ไม่ได้หยิบมาเป็นทางเลือกหลักในการใช้งาน เพราะว่ายังมีสิ่งที่เรียกว่าผลประโยชน์ online learning ไม่ได้มอบผลประโยชน์ให้กับผู้คนในยุคปัจจุบันมากนัก แม้ว่ามันจะมอบความรู้ให้เยอะมากก็จริง แต่มนุษย์เรามีความโลภ เห็นแก่ตัวอยากได้เงินทอง อะไรที่ทำได้เงินทองก็จะทำอะไรที่ไม่ได้เงินทองก็จะไม่ทำ ถ้าตราบใดมนุษย์ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ online learning ก็จะไม่ถูกผลักดันให้เติบโตอย่างแน่นอน
แต่ทุกวันนี้เราได้รู้จัก online learning เพราะว่าสถานการณ์บังคับ และพอเราได้รู้จักมันแล้วรู้สึกว่ามันดีมาก มันก็ควรที่จะยังคงอยู่ และเพิ่มความสามารถให้เก่งมากขึ้น และดีกว่าเดิม ถ้ามนุษย์ก้าวข้ามข้อจำกัดคำว่าผลประโยชน์ได้ โลกใบนี้จะมีแต่สิ่งที่สวยงามขอฝากไว้เท่านี้