tcas คืออะไร มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมบ้างหรือไม่ เรามาทำความรู้จักกันเลย

tcas คืออะไร

วันนี้เราจะมาพูดถึง tcas ว่ามันคืออะไรแล้วจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง หลายๆ คนให้ข้อสงสัยว่า tcas รูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้น จะยากขึ้น หรือเปล่า หรือจะง่ายกว่าเดิม ถ้าใครอยากรู้คำถามเหล่านี้ เราได้เตรียมทุกคำตอบมาให้คุณอย่างละเอียดแล้วน้องๆ ทุกคนไม่ต้อง กังวลใจอีกต่อไปไปดูกันเลย

ในช่วงเวลาที่กำลังก้าวเข้าสู่ปี 2566 ซึ่งรูปแบบการสอบ tcas หรือที่ใครหลายคนยังไม่รู้จักในชื่อ Thai University Center Admission System ว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไป แล้วจะเปลี่ยนไปยังไง เปลี่ยนไปให้ยากขึ้น หรือง่ายลง ได้เตรียมคำตอบมาให้แล้ว โดยปกติแล้ว tcas คือการสอบเก็บคะแนนวิชาการเป็นหลัก

ไม่ว่าจะเป็นวิชาภาษาไทย วิชาสังคม วิชาคณิตศาสตร์ รวมไปถึงวิชาภาษาอังกฤษ เป็นต้นซึ่งเป็นวิชาตามเนื้อหาหลักสูตรอยู่แล้ว และก็อาจจะมีการสอบวัดในเชิงของความถนัดเชิงวิชาชีพ เช่นการสอบเป็นสถาปัตย์การสอบเป็นครู หรือการสอบเป็นหมอ เราเรียกรวมๆ ว่าการวัดความถนัด

tcas คืออะไร ปี2566 มีอะไรใหม่บ้าง

ต่อจากนี้สิ่งที่เรียกกันว่า tcas66 จะมีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง เรามาทำความรู้จักกันเลย สิ่งแรกที่เพิ่มเข้ามาในการสอบ ไม่ได้ช่วยทำให้การสอบนี้ดูยากขึ้น แต่ช่วยเปิดโอกาสให้น้องๆ ที่แสดงความสามารถได้นำความสามารถของน้องๆ ที่มีส่วนร่วมกับเพื่อนที่โรงเรียนกิจกรรมต่างๆ ที่เคยเข้าร่วม หรือประสบการณ์ของน้องๆ ในการทำงาน

ณ จุดตรงนี้เองทำให้เกิดไอเดียในการจัดสอบรูปแบบใหม่ เพื่อที่จะได้รองรับนักเรียนที่หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงช่วยเปิดโอกาสให้กว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่เพิ่มเข้ามานี่เองเราเรียกกันว่าการวัดความถนัดทั่วไป (TGAT) ในส่วนแรกของ การวัดความถนัดทั่วไป TGAT ก็คือความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ

ในส่วนนี้จะเป็นการทดสอบความสามารถ ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบสื่อสารการรับฟังข้อมูล หรือการพูดคุยภาษาอังกฤษ รวมไปถึงการใช้ภาษาอังกฤษในโซเชียลมีเดีย การอ่านข่าว หรือฟังข่าวภาษาอังกฤษ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนจะเป็นส่วนทำคะแนนให้กับ TGAT ในส่วนแรก 60 ข้อ

tcas66 ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

ส่วนที่ 2 เป็นความสามารถในการใช้เหตุผล และการคิดอย่างมีวิจารณญาณทดสอบการใช้ชีวิตประจำวัน มีข้อสอบทั้งหมด 80 ข้อ และในส่วนสุดท้ายส่วนที่ 3 TGAT คือความสามารถในการทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้วในสถานที่ทำงานเราก็จะพบปัญหากับเพื่อนร่วมงาน การทะเลาะเบาะแว้ง และก็ปัญหามากมายในสถานการณ์แตกต่างกันไป ในส่วนนี้ก็จะเป็นวิธีการรับมือกับปัญหา และการแก้ไขปัญหามุมมองต่อความรับผิดชอบ

การมีส่วนร่วมของสังคม จะเห็นได้ว่าข้อสอบชุดนี้จะไม่ใช่ข้อสอบแนวท่องอ่าน แต่จะเป็นการจำลองสถานการณ์ขึ้นมา แล้ววัดทัศนคติของเราต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ว่าเรามีมุมมองต่อสถานการณ์นั้นๆ แบบใด ในส่วนนี้ก็จะมีจำนวนข้อสอบอีก 60 ข้อ ทั้งสามส่วนนี้ให้เวลาในการทำข้อสอบรวมกันแล้วทั้งหมด 3 ชั่วโมง

ในการสอบการวัดความถนัดทั่วไป tcas66 การสอบรวมของทั้ง 3 ส่วนจะมีข้อสอบทั้งหมด 200 ข้อโดยการสอบครั้งนี้จะเน้นเรื่องความไว เขาให้เวลาสอบเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น หากน้องๆ คนไหนมานั่งคิดทบทวนว่าจะตอบถูกไหม ข้อนี้ตอบแบบนี้จะโดนใจกรรมการ หรือไม่อาจจะไม่ทันเวลาในการสอบ จริงๆ จุดประสงค์ของการสอบครั้งนี้ คือการวัดความเป็นตัวตนของเราวัดสัญชาตญาณของเรา เราเป็นแบบไหนตอบแบบนั้น มันจะช่วยทำให้เราตอบได้รวดเร็วขึ้น จงภูมิใจกับความเป็นตัวเอง และจะได้ไม่เสียเวลากับการคิดมากจนเกินไป

ยกตัวอย่างข้อสอบที่ใช้ใน tcas66

หากให้ยกตัวอย่างแนวข้อสอบ tcas66 ก็จะเป็นคำถามง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ความคิดเยอะ ใช้ความรู้ทั่วไปที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน มาประยุกต์ใช้เพื่อหาคำตอบเพียงเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น

หากเอากระดาษ 1 ล้านแผ่นวางเรียงซ้อนๆ กันจะ มีความสูงประมาณไหน

  • สูงจากพื้นไปถึงเพดานห้อง
  • สูงจากพื้นไปถึงหอไอเฟล
  • สูงจากพื้นไปถึงดวงจันทร์

จะสังเกตได้ว่าคำถาม ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่วิธีการหาคำตอบ ถ้าเราเข้าใจโจทย์ และเคยสังเกตในชีวิตประจำวันกระดาษ A4 จำนวน 1 รีม มีปริมาณกระดาษอยู่ที่ 500 แผ่นจะมีความสูงประมาณ 10 เซนติเมตร และถ้าหากเราลองจินตนาการดูว่า ถ้ากระดาษ 1 ล้านแผ่นจะมีความสูงอยู่ที่เท่าไหร่ เอาง่ายๆ เลยว่า ต้องสูงกว่าเพดานห้องแน่นอน แต่คงไม่ถึงดวงจันทร์ ฉะนั้นด้วยตรรกะ และเหตุผลที่น่าจะเป็น

คงคิดว่าความสูงจากพื้นไปถึงหอไอเฟล น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด จะเห็นได้ว่าข้อสอบชุดนี้ไม่ได้ใช้วิธีการคิดที่ซับซ้อนมากมาย และไม่ต้องใช้การท่องจำเหมือนหลายๆ วิชา มันเป็นเพียงการที่เรานำความรู้ ที่ได้จากชีวิตประจำวัน เรามาประยุกต์ใช้เพื่อหาคำตอบเท่านั้นเอง เป็นข้อสอบที่ง่ายๆ แต่สามารถบ่งบอกตัวชี้วัดต่างๆ ได้เยอะมาก

อยากรู้ไหมว่า tcas66 ประกอบไปด้วย TPAT อะไรบ้าง

ถ้าถามว่า TPAT ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ในการสอบ tcas66 ที่จะถึงครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่า ประกอบไปด้วย 5 ส่วน ดังต่อไปนี้

  • TPAT1 ความถนัดแพทย์ (กสพท)
  • TPAT2 ความถนัดศิลปกรรมศาสตร์
  • TPAT3 ความถนัดด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์
  • TPAT4 ความถนัดสถาปัตยกรรมศาสตร์
  • TPAT5 ความถนัดครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์

ในส่วนของการสอบความถนัดแพทย์ (กสพท) เราได้เขียนบทความไว้แล้ว หากใครสนใจสามารถคลิกเข้าไปอ่านได้เลย จะมีรายละเอียดการสมัคร ขั้นตอนต่างๆ รวมไปถึงแนวข้อสอบ รวบรวมไว้ให้ทั้งหมดแล้ว ลองเข้าไปอ่านดูในบทความ

ในส่วนถัดมาก็คือ TPAT2 ความถนัดศิลปกรรมศาสตร์สมัครสอบครั้งเดียว แต่จะแยกสอบเป็นสามส่วน เราสามารถทำให้เสร็จทั้งสามส่วนเลยทีเดียวก็ได้ หรือจะทำทีละส่วนก็ได้แต่เวลาประกาศคะแนน จะประกาศให้เห็นทั้งหมด 4 ส่วน ประกอบไปด้วยดังต่อไปนี้

  • TPAT21 ทัศนศิลป์
  • TPAT22 ดนตรี
  • TPAT23 นาฎศิลป์
  • TPAT2 รวม

tcas66 ใครรู้ตัวเองก่อนได้เปรียบ

จริงๆ อย่างที่บอกเลยว่าในการสอบ tcas66 ใครที่รู้ตัวเองก่อนว่าอยากจะไปเป็นอะไร สนใจสายไหน ก็เลือกไปสอบทางสายนั้นวิชาชีพเฉพาะได้โดยตรงเลย ไม่จำเป็นจะต้องมาสอบจับฉ่ายทุกวิชา ซึ่งมันทำให้เราสามารถโฟกัสในสิ่งที่เราสนใจได้มากกว่า เหมือนว่าใครอยากจะไปเป็นแพทย์ก็มุ่งไปสอบวิชาความถนัดของแพทย์ได้โดยตรง ใครอยากเป็นศิลปินก็ไปสอบวิชาในกลุ่ม TPAT2 ความถนัดศิลปกรรมศาสตร์

แล้วก็มีคำถามที่ทุกคนยังสงสัยกัน อ้าวแล้วทำไมวิทยาศาสตร์ถึงมารวมกับวิศวกรรม กลายเป็น TPAT3 ความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ หลายคนอาจมองว่าทั้งสองสาขานี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย เพราะวิทยาศาสตร์กับวิศวกรรมศาสตร์ มันเป็นความสนใจที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ถ้าพูดถึงความรู้ตั้งต้นของทั้งสองอย่างนี้แล้ว มันมีที่มาจากแหล่งเดียวกันมีความคล้ายคลึงกัน

สิ่งที่เราจะสอบไม่ใช่ วิชาเฉพาะเหมือนสมัยก่อนที่มุ่งไปที่หลักการทางฟิสิกส์ หรือการคำนวณที่ซับซ้อนทางคณิตศาสตร์ เป็นเนื้อหาในช่วงชั้นมัธยมปลายแต่ในข้อสอบ tcas66 จะมุ่งเน้นไปถึงเรื่องการสังเกตการใช้หลักการ และเหตุผลเรียกง่ายๆ ว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ข้อสอบในยุคใหม่นี้ จะเน้นถึงสมรรถนะความสามารถทางวิชาชีพมากกว่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ข้อสอบใน TPAT3 จะรวมเอาวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมมาผนวกเข้าในวิชาเดียว

ในการสอบ tcas66 อ่านข้อสอบชุดเก่าได้ หรือไม่

ข้อสอบชุดใหม่คือข้อสอบ TPAT จะไม่เหมือนข้อสอบชุดเดิมที่เป็น PAT หากใครนำข้อสอบชุด PAT มาอ่านเพื่อหวังว่าจะทำข้อสอบได้คะแนนดีๆ เนี่ยต้องบอกก่อนเลยว่าข้อสอบชุดเก่านั้น ไม่เหมือนกับข้อสอบชุดใหม่อย่างแน่นอน ฉะนั้นการที่คุณจะเอาข้อสอบอันเก่ามาเป็นแนวทางถามว่าได้มั้ย คำตอบคือได้แต่ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ เลยอย่างเช่นการสอบ TPAT4 ความถนัดสถาปัตยกรรมศาสตร์ แต่เดิมคนที่เคยต้องการเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในการสอบทุกครั้งจำเป็นจะต้อง มีการสอบวาดรูป แต่ในยุคปัจจุบันนี้ tcas66 จะไม่มีการสอบวาดรูปในข้อสอบอีกต่อไป ข้อสอบใหม่จะเป็นข้อสอบแนวเปิดโอกาสให้แสดงมุมมองต่องานศิลปะ ทัศนคติของคุณที่มีต่องานศิลป์ ส่วนการส่งภาพวาดจะถูกนำไปรวมอยู่ในส่วนของ Portfolio แล้วแต่สถาบันที่จะกำหนดขึ้นมา ซึ่งเราก็จะต้องเป็นคนคัดเลือก Portfolio ของเราเองอีกทีนึง

สรุปความสำคัญของ tcas66

การสอบ tcas66 ครั้งนี้ สรุปง่ายๆ เลยก็คือจะเลื่อนขึ้นมาสอบ TGAT TPAT ให้เร็วขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งผลคะแนนก็จะออกในช่วงเดือนมกราคม นั่นแปลว่าอะไรผู้จัดต้องการให้ผลการสอบออกมาทัน ก่อนที่จะมีการประมวลผลในรอบแรก หรือที่รู้กันในชื่อรอบ Portfolio จากเดิมที่เคยดูแต่ผลงาน

แต่ต่อจากนี้มหาวิทยาลัยจะดูจากผลการสอบ TGAT TPAT ด้วย จะสังเกตได้ว่าในรอบ Portfolio จะเพิ่มจำนวนที่นั่งขึ้นทุกปี และความสำคัญก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับรูปแบบที่เปลี่ยนไปของ tcas66 ควรศึกษาทำความเข้าใจไว้ปรับแผนให้เหมาะสมก่อนจะสาย โชคดี